ประวัติศาสตร์ชุมชนบ้านทุ่งวัง

              นิเวศวิทยาวัฒนธรรมพนมดงรัก ครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย ฝั่งขวาแม่โขง แขวงจำปาสัก สปป.ลาว ราชอาณาจักรกัมพูชาตอนบน จนถึงลุ่มน้ำทะเลสาบ (โตนเลสาบ) โดยมีเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งแบ่งพื้นที่ประเทศไทย  สปป.ลาวและราชอาณาจักรกัมพูชา  ในอดีตเป็นที่อยู่่ของกลุ่มชาติพันธุ์ออสโตรเอเชียติก มายาวนานก่อนที่อาณาจักรเจนละจะรุ่งเรือง    ที่มีองค์ความรู้ความเชื่อและวิถีชีวิตที่เป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่น  ภูเขาด้านหน้า ที่อยู่ในประเทศไทย มีลักษณะลาดลงสู่แม่น้ำมูล ไหลลงสู่แม่น้ำโขง ที่สปป.ลาว ประกอบไปด้วยบริเวณที่สูงและเทือกเขา มีลักษณะเป็นร่องลึก มีความลาดชันเพียง ร้อยละ 8-10  และมีแนวคู่ขนานที่เกิดรอยปะทุอันเกิดจากภูเขาไฟเนินต่ำ อันเกิดจากการทับถมของเศษหินและกินที่เกิดจากการเย็นตัวของมวลหินหลอมละลาย หรือ ลาวา ที่ปะทุออกมาจากใต้ผิวโลก  บริเวณแถบนี้เปลือกโลกมีความแข็งแกร่งน้อย มีรอยร้าวของเปลือกโลก ปรากฏบ่อน้ำ ปล่องน้ำ น้ำซับ น้ำพุ อันเป็นร่องรอยเดิมของการปะทุระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้รอบ ๆ น้ำซับมีป่าเขียวชอุ่มและป่าดงดิบเป็นหย่อม ๆ เช่น ป่าดงดิบภูศาลา จ.สุรินทร์ ป่าดิบน้ำซับ วนอุทยานเขากระโดง  
   
Google Map. คอมพิวเตอร์กราฟิก :  สุวัฒน์  อุ่นทานนท์ (2553)
 
           บริเวณพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์ออสโตรเอเชียติก ที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต ดังหลักฐานกลุ่มปราสาทขอมโบราณ ในราชอาณาจักรไทย ราชอาณาจักรกัมพูชา และสปป.ลาว  กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ด้านหน้าแนวเทือกเขาพนมดงรัก อาทิ  เขมร กูย บรู เยียะกูร เยอ  โส้ ทะวึง ชอง มีวิถีชีวิตแบบพอเพียง ดังปรากฏสัญลักษณ์หรืออัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม อันเป็นพื้นฐานที่สำคัญของศิลปะสมัยขอมโบราณ และยังปรากฏร่องรอยแบบแผนการดำเนินชีวิต ในระบบนิเวศวิทยาวัฒนธรรม ที่ก่อให้เกิดการวิวัฒน์ของสิ่งมีชีวิตอย่างเป็นลำดับขั้นตอน ดำรงเผ่าพันธุ์ไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ การปกครองในชุมชน โดยอาศัยหลักการผสมผสานความเชื่อ กล่าวคือ “ใช้หลักลัทธิเต๋าครองกาย ศาสนาพุทธครองใจและผีแห่งธรรมชาติครองบ้านเมือง”  พบร่องรอยชุมชนโบราณในจังหวัดนครราชสีมา  190  แห่ง จังหวัดบุรีรัมย์ 140  แห่ง จังหวัดสุรินทร์ 92  แห่ง จังหวัดศรีสะเกษ 110 แห่ง และจังหวัดอุบลราชธานี 150 แห่ง  ดังปรากฏร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณที่มีการใช้ภูมิปัญญาและเทคโนโลยีพื้นบ้าน ขุดคู คลองรับน้ำจากคูเมืองชั้นนอกเข้ามาหล่อเลี้ยง เพื่อการบริโภคแก่ชุมชนที่ตั้งถิ่นฐานในบริเวณเนินดินชั้นใน   
   ระบบนิเวศวิทยาภูเเขาไฟอังคาร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ที่มีภูมิสัณฐาน ภูเขาลูกเตี้่ยๆ มีแหล่งน้ำซับรอบ ๆ บริเวณ
ภาพถ่าย : สุวัฒน์ อุ่นทานนท์ (13 ธันวาคม 2019)

 
            ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติบนพื้นที่ระหว่างเทือกเขาพนมดงรักและแม่น้ำมูล อันเป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของป่าดิบโปร่ง ล้ำน้ำสายเล็ก ๆ จำนวนมาก มีหินใต้ดินและธาตุบางอย่างอันเนื่องมาจากลาวาภูเขาไฟ ทำให้รสชาติของข้าวมีความหอมเฉพาะพื้นที่ และเป็นแหลงอันอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณนานาชนิด ด้วยความอุดสมบูรณ์ดังกล่าว ทำให้เกิดอัตลักษณ์ ที่สามารถบ่มเพาะให้เจริญงอกงาม จากการไหลทับถมของตะกอนของลำน้ำสายต่าง ๆ  เทือกเขาพนมดงรัก ที่มีตำนานว่าเป็นผู้หาบคอนอีสานใต้ให้ยกตัวสูงขึ้น อันเกิดจากพื้นที่ถูกยกตัวสูงขึ้นทางธรณีวิทยา โดยการเลื่อนตัวของแผ่นดินในราชอาณาจักรกัมพูชาสอดเข้าไปใต้เปลือกโลก จึงเปรียบเสมือนว่า ผู้ที่ส่วนบนคือ  ขะแมร์เลอ  ส่วนพวกที่อยู่ด้านล่างคือ ขะแมร์กรอม  นั่นเอง

          ชุมชนโบราณในบริเวณดังกล่าวปรากฏร่องรอยเทคโนโลยีภูมิปัญญาพื้นบ้าน ในการจัดการน้ำ มีทำนบคู่น้ำคันดิน และศาสนาสถานขอมโบราณ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ซึ่งถือว่าเป็นทิศแห่งความเจริญรุ่งเรือง บริเวณคันดินคูน้ำ ใช้เป็นถนนหรือทางเดินในการสัญจรไปมา  ตลอดจนการสัญจรแนวธรรมชาติระหว่างแนวเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งพบว่า มีประมาณ 25 ช่อง  มีขบวนคาราวานช้าง คาราวานเกวียน นำเกลือสินเธาว์ ไปแลกปลาร้า (ปราฮ็อก) จากลุ่มน้ำโตนเลสาบ ทำให้ชุมชนดังกล่าวมีอารยธรรมที่เด่นแตกต่างไปจากบริเวณอื่น ๆ  ที่ยังคงคุณค่าภูมิปัญญาในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงอัตลักษณ์เพื่อความดำรงอยู่ของชุมชน  ดังเห็นได้จาก หมอ พระ ครู เป็นผู้ทรงภูมิปัญญา และมีการสืบทอดต่อ ๆ กันมาก กลายเป็นมรกดทางวัฒนธรรม เกิดความสมดุลระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อม  สิ่งเหนือธรรมชาติ พิธีกรรมทางจารีตประเพณี วิถีชีวิต และพิธีกรรมต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดสันติสุขบนความพอเพียงอย่างยั่งยืนจนถึงปัจจุบัน
 
     
              จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีและภาพถ่ายทางอากาศยืนยันได้ว่า บ้านทุ่งวังซึ่งตั้งอยู่ระวางหมายเลข 3639 #พิกัด 2686 (ระวางแผนที่ภูมิประเทศ ชุด L7017มาตราส่วน 1:50,000 สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขาสตึก) มีการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ซึ่งเลือกชัยภูมิเป็นเนินดินสูง บ้านทุ่งวังเคยเป็น 1 ในชุมชนโบราณบริเวณลุ่มแม่น้ำมูลตอนกลาง อยู่ในบริเวณที่ลำชี ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำมูลที่บริเวณวังทะลุ (สตึงเปี๊ยะซี) ห่างจากบริเวณสบลำชี ประมาณ  10 กิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นเนินดินสูงคูน้ำล้อมรอบสองชั้นเพื่อใช้เป็นปราการป้องกันการรุกรานจากข้าศึกและศัตรู ยังคงเหลือการใช้ภูมิปัญญาและเทคโนโลยีพื้นบ้านในการเก็บกักน้ำไว้ใช้ในวิถีชีวิต มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นรอบ ๆ  คูน้ำเต็มไปด้วยป่าไม้เบญจพรรณต่าง ๆ    ส่วนเนินดินที่เป็นที่สูงพอที่คนโบราณจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ในคราวน้ำหลากหรือน้ำท่วม จากการสำรวจจะพบว่าตามผิวดินของเนินซึ่งเป็นที่สูงจะมีวัตถุที่ทำจากสำริด  นอกจากนี้ยังพบโครงกระดูกของมนุษย์โบราณ พบทั้งที่ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และที่ไม่สมบูรณ์   หลักฐานที่เห็นได้ คือ หลุมศพที่พบตลอดระยะเวลาของการอยู่อาศัยของชุมชนนี้ จะพบว่าโครงกระดูกส่วนมากจะอยู่ในภาชนะเครื่องปั้นดินเผาบางโครงก็มีมาก บางโครงก็มีน้อย  
   
Google Map. คอมพิวเตอร์กราฟิก :  สุวัฒน์  อุ่นทานนท์ (2553)
 
 

           ชุมชนบ้านทุ่งวัง สันนิษฐานว่าเคยเป็นที่ตั้งของชุมชนโบราณมาตั้งแต่สมัยทวาราวดี ต่อมากลายเป็นชุมชนร้าง อาจจะด้วยสาเหตุจากภัยธรรมชาติ หรือสงคราม ประชาชนจึงกระจัดกระจายไปตั้งชุมชนเล็ก ๆ ตามป่า หรือชายแดน เรียกว่า "เขมรป่าดง"  มีการพบพระพุทธรูป และแผ่นหิน ที่เป็นใบเสมา จากการสัมภาษณ์ นายอ่อน บูรณขจร กำนันตำบลทุ่งวัง คนแรก คำว่า บ้านทุ่งวัง แต่ก่อนเรียกว่า “บ้านโตงเนียง” แปลว่า “ชิงช้าของหญิง” ในช่วงต้นรัชกาลที่ 5  ได้มีกลุ่มคนที่อพยพมาจากเมืองท่าตูมและเมืองจอมพระ    โดยมีผู้นำกลุ่ม 3 คน ประกอบด้วย ขุนชนะ  ขุนประทะแดง และขุนทึง นำครอบครัวมาตั้งหลักแหล่งบริเวณโนนดินสูงบ้านทุ่งวัง ทำให้กลายเป็นชุมชนที่ใหญ่ขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ.2481  ได้ยกฐานะเป็นตำบลทุ่งวัง ในเขตการปกครองของกิ่งอำเภอสตึก (อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์)

         ทำเลที่ตั้งของบ้านทุ่งวัง  ในอดีตเป็นที่หลบซ่อนของนักโทษหนีการเกณฑ์ทหาร โจรปล้นจี้ การดำรงชีวิตของชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีการศึกษา  อ่านหนังสือไม่ออก จะอยู่แบบหวาดระแวงซึ่งกันและกัน เกรงว่าจะมีบุคคลอื่นมาปล้นจี้ ทรัพย์สินมีค่าของตน หรือทางราชการจะเข้ามาจับกุมไปลงโทษตามกฎหมายบ้านเมือง เลี้ยงชีพด้วยการหาของป่าและล่าสัตว์เป็นอาหาร มีอาชีพรับจ้างเลื่อยไม้ และเจาะต้นยางโดยการเผาเพื่อนำน้ำยางมาทำเป็นขี้ไตเชื้อเพลิง  ที่ให้ความร้อนและแสงสว่างขาย จึงต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ นั่นคือที่มาของชุมชนโบราณบนเนินสูงทางทิศตะวันออกชื่อว่าบ้านทุ่งวัง ซึ่งมีความหมายดังนี้ "ทุ่ง"  หมายถึงพื้นที่ราบ "วัง" หมายถึง แหล่งน้ำ "ทุ่งวัง" หมายถึง พื้นที่ราบที่ล้อมรอบด้วยแหล่งน้ำ เพื่อใช้เป็นปราการป้องกันข้าศึกศัตรูของหมู่บ้านหนองเกาะน้อยได้เป็นอย่างดี  รอบ ๆ คูน้ำเต็มไปด้วยป่าไม้ไผ่ขึ้นอย่างหนาทึบ  ใช้เป็นสถานที่เลี้ยงช้าง  และสำหรับหลบซ่อนตีมีด  ตีดาบเพื่อใช้เป็นอาวุธป้องกันตนเองและศัตรู   ยังปรากฏร่องรอยเศษตะกรันเหล็กที่เกิดจากการเทเตาหลอมปะปนกับชั้นดินอยู่ทั่วไป  การสัญจรระหว่างหมู่บ้านหนองเกาะน้อยกับหมู่บ้านข้างเคียงใช้เกวียนเทียมด้วยควายเป็นพาหนะ   

เนินดินสูงบริเวณรอบบ้านทุ่งวังมี  7  เนิน  ซึ่งประกอบด้วย

       1)  เนินดินสูงโรงเรียนบ้านทุ่งวังเก่า   (ปัจจุบันถูกปรับพื้นที่ให้เป็นที่ราบใช้เป็นที่ตั้งสถานีตำรวจชุมชนตำบลทุ่งวัง  และสถานที่จ่ายน้ำประปาหมู่บ้านทุ่งวัง)
        2)  เนินดินโคกสูง  (คุ้มโคกยูง)  อยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านทุ่งวังติดกับป่าช้าเก
        3)  เนินดินสูงที่ตั้งวัดโนนสูงทุ่งสว่าง
        4)  เนินดินสูงทิศตะวันตก  เส้นทางไปหมู่ที่  8  บ้านสมหวัง
        5)  เนินดินสูงคุ้มอนามัย  ปัจจุบันเป็นที่ตั้งสถานีอนามัยตำบลทุ่งวัง  หมู่ที่  15  บ้านตุงเวียง
        6)  เนินดินสูงโคกกลาง  อยู่ตอนกลางของหมู่บ้านทุ่งวัง  ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ หมู่ที่  3  บ้านคุ้มต่ำ
        7)  เนินดินสูงบ้านหนองเกาะน้อย

ปัจจุบันเมืองเก่าบ้านทุ่งวัง แบ่งการปกครองออกเป็น  4 หมู่บ้านดังนี้
1.  บ้านทุ่งวัง หมู่ที่  1
2.  บ้านคุ้มบ้านต่ำ หมู่ที่  3
3.  บ้านหนองเกาะน้อยหมูที่  12
4.  บ้านตุงเวียง หมู่ที่  15
 
     
     
 

หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำทิศบูรพา  จังหวัดบุรีรัมย์

 
 
ภาพถ่าย ปี 2513 เครดิต : อ.กานดา วิระกา แสกนภาพโดย สุวัฒน์ อุ่นทนนท์ (2553)
หลวงพ่อใหญ๋ดงแสนตอในอดีต ประดิษฐาน บนเนินดินสูง มีเพิงครอบด้านบน (ภาพถ่าย ปี 2513)
 
  "...ท่ามกลางตอไม้นับแสน ๆ ตอ มีการค้นพบพระพุทธรูปปางมารวิชัย บนแท่นหินทรายพิงกับต้นมะค่าแต้ ...ที่เปล่งแสงประกายเจิดจ้า บนโนนดินสูงเมืองเก่าสมัยทวาราวดี...เป็นที่มาของประวัติหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำทิศบูรพา ของจังหวัดบุรีรัมย์ คนที่มาดำรงตำแหน่งในจังหวัดบุรีรัมย์ จะต้องมาเคารพสักการะ ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล..."  
 


ประวัติความเป็นมาหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ

        บนเนินดินสูงเมืองเก่าบ้านทุ่งวังในอดีตที่เรียกว่า “เมืองโตงเนียง”  มีการค้นพบพระพุทธรูปสูงใหญ่ปางมารวิชัย  สมัยขอมเรืองอำนาจ ราวพุทธศตวรรษที่ 17 ทำด้วยหินทรายสีคล้ายดินลูกรังแดงอมส้ม  หน้าตักกว้าง 2.50 เมตร สูง 2.10 เมตร นั่งประทับบนหินทรายที่นำมาเรียงกันเป็นแท่นหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก  ด้านหลังองค์พระพุทธรูปพิงกับต้นมะค่าแต้ ซึ่งเคยเกิดไฟไหม้แต่องค์พระพุทธรูปมิได้รับความเสียหายแต่ประการใด จึงที่เคารพสักการะของบุคคลทั่วไปตั้งชื่อตามลักษณะที่พบพระพุทธรูปว่า “หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ” 

           หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอเป็นโบราณวัตถุอันเป็นที่เคารพ   สักการะคู่บ้านทุ่งวังมาตั้งแต่อดีต  สันนิษฐานว่าประมาณปี พ.ศ.  2433  ชาวบ้านได้พร้อมใจกันสร้างที่บังแดดบังฝนขึ้นครอบองค์พระพุทธรูปหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอเป็นครั้งแรก  ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันพระพุทธรูปมิได้เคลื่อนย้ายไปที่แห่งใดเลยแม้ว่าจะมีการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ตามแปลนกรมศิลปากร ( หลักฐานสมุดบันทึกของอธิการพุฒกิตติปัญโญ  เจ้าอาวาสวัดโนนสูงทุ่งสว่าง)  หลวงพ่อใหญ่ดงแสนเป็นพระพุทธรูปรุ่นเดียวกับพระพุทธรูปบ้านวังปลัด อำเภอพุทไธสง  จังหวัดบุรีรัมย์  ท่านใดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายอำเภอสตึก หรือผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์  จะต้องหาโอกาสมานมัสการทุกครั้งเมื่อได้เข้ารับดำรงตำแหน่ง

ปฏิหาริย์หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ

         ปัจจุบันผู้ที่สักการะเคารพบูชาเหรียญของหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ  รุ่นที่ 1  (สร้างเมื่อ พ.ศ.  2515)  เชื่อว่าสามารถคุ้มครองอุบัติเหตุทางบกหรือบุคคลใดที่เข้าไปถ่ายรูปหลวงพ่อใหญ่แสนตอภายในโบสถ์  หากไม่ได้จุดธูปเทียนบอกกล่าวให้ท่านทราบก่อนมักจะถ่ายรูปองค์พระพุทธรูปไม่ติดฟิล์มจะมีสีดำมัว ๆ


        ปัจจุบันมีการจัดงานนมัสการหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ   ในเดือนเมษายน ทุก ๆ ปี ระหว่างวันที่  13-15 เมษายน เพื่อรักษาประเพณีวัฒนธรรมในท้องถิ่น อันดีงามและให้งานนมัสการหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอให้คงอยู่สืบไป  ทั้งนี้เพื่อประชาชนในหมู่บ้านของตำบลทุ่งวังและชุมชนใกล้เคียง ได้ร่วมกิจกรรมทางศาสนาและพิธีกรรมต่าง ๆ
 

                

 รวมลิงก์ :  

 
  ผู้เขียน :  ดร.สุวัฒน์  อุ่นทานนท์  (ปร.ด.) ยุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค  
สามารถนำไปเผยแพร่และใช้ในการอ้างอิงได้

ข้อมูลทางบรรณานุกรม :  สุวัฒน์  อุ่นทานนท์.  (2563).  หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ นิเวศวิทยาศาสนาลุ่มแม่น้ำมูลตอนกลาง.  [ออนไลน์] : เข้าถึงได้จาก : http://www.brm4.go.th/sysinfo_br4/mresource_br4/28-resourcebr4_003.html/.  สืบค้น (......).

แหล่งข้อมูล : 
รัชนี คล่องแคล่ว.  (2543).   
ปริศนาคำทายชาวไทยเขมรบ้านทุ่งวัง ตำบลทุ่งวัง อ่าเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์.

วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ศศ.ม.) สาขาภาษาไทย  บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม.

วิมล  แต้มสคราม. (2545).  ประวัติศาสตร์ชุมชนบ้านทุ่งวัง ตำบลทุ่งวัง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์.  บุรีรัมย์ :  เอกสารประกอบผลงานทางวิชาการ ตำแหน่งอาจารย์ 3 โรงเรียนบ้านทุ่งวัง ตำบลทุ่งวัง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์.

สุวัฒน์  อุ่นทานนท์ (2553). ภูมิปัญญาช้างบ้านในนิเวศวิทยาวัฒนธรรมพนมดงรัก-เซเปียน. สุรินทร์ : วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฏีบัณฑิต (ปร.ด.) สาขายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค (การศึกษาและจัดการภูมิปัญญา) บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์.

ภาพประกอบ :  ดร.สุวัฒน์  อุ่นทานนท์